เพิ่มเพื่อน

วันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2562

อ่านเถอะ.. แค่ครึ่งเดียวก็ได้ ไม่ต้องให้จบ

อ่านเถอะ.. แค่ครึ่งเดียวก็ได้ ไม่ต้องให้จบ

*************************
.
มีเศรษฐีคนหนึ่ง ได้ซื้อที่ดินแปลงหนึ่ง
สร้างเป็นที่พักตากอากาศ

ในช่วงที่ ตกแต่งซ่อมแซมนั้น
เพื่อนของเขา ได้แนะนำให้
หาอาจารย์ฮวงจุ้ยมาดู เพื่อที่จะได้สร้างไม่ผิด

เดิมทีเศรษฐี ก็ไม่เชื่อเรื่องเหล่านี้ มากนัก 
แต่ครั้งนี้กลับเห็นด้วย 
จึงเจาะจง เดินทางไปฮ่องกง 
เพื่อเชิญ อาจารย์ฮวงจุ้ยท่านหนึ่ง
อาจารย์แซ่เต๋อ ทำอาชีพนี้มามากกว่า 30ปี 
ในวงการนี้ จัดว่ามีชื่อเสียงมาก

รับอาจารย์เต๋อ ที่สถานีรถไฟ
และร่วมรับประทาน อาหารกลางวันแล้ว 
ท่านเศรษฐีก็ ขับรถพาอาจารย์ มายังบ้านของตน 
.
.
ระหว่างทาง ถ้ามีรถพยายามจะแซง 
ท่านก็จะ หลีกทางให้เสมอ 
อาจารย์เต๋อหัวเราะ แล้วพูดว่า 
คุณขับรถได้มั่นคง นุ่มนวลดี

เศรษฐีหัวเราะ แล้วพูดว่า 
ผู้ที่ต้องการจะแซงรถ ย่อมมีธุระเร่งด่วน 
ไม่ควรทำให้เขาเสียเวลา !!
.
.
เมื่อรถเข้าสู่ตัวเมือง ถนนก็เริ่มแคบลง 
เศรษฐีก็ลดความเร็วลง

มีเด็กคนหนึ่งหัวเราะร่าวิ่งออกมาจากซอย 
เศรษฐีก็สามารถ เหยียบเบรกรถได้ทัน 
เด็กๆ หัวเราะคิกๆ วิ่งผ่านหน้ารถไป

แต่เขาก็ยัง ไม่เหยียบคันเร่ง เพื่อออกรถ 
แต่ได้มองไปที่ปากซอย 
เหมือนกำลัง ..รออะไรสักอย่างหนึ่ง

สักครู่ ก็มีเด็กอีกคนหนึ่ง วิ่งออกมา 
วิ่งไล่ตามเด็ก คนที่วิ่งไปก่อนหน้านั้น !!

อาจารย์เต๋อ ถามด้วยความแปลกใจว่า 
คุณรู้ได้อย่างไร ว่าข้างหลัง ยังมีเด็กอีกคน 
เศรษฐีบอก เด็กๆ ล้วนแต่เล่น ไล่ๆ ตีๆ กัน

ถ้ามีคนเดียว จะไม่หัวเราะเริงร่า เช่นนี้หรอก 
อาจารย์เต๋อ ยกหัวแม่โป้งขึ้น หัวเราะพูดว่า 
คุณช่างมีน้ำจิตน้ำใจจริงๆ
.
.
มาถึงบ้านพัก ลงจากรถ 
หยิบกุญแจเตรียมจะเปิดเข้าบ้าน 
ทันใดนั้น ที่ลานหลังบ้าน 
พลันมีนกบินขึ้นมา 7-8 ตัว

เมื่อเห็นดังนั้น เศรษฐีหยุดอยู่หน้าประตู 
กล่าวขอโทษกับอาจารย์เต๋อว่า 
รบกวนให้ท่าน รอสักครู่หนึ่ง

มีเรื่องอะไรหรือ?
อาจารย์เต๋อรู้สึกแปลกใจอีกครั้ง

ที่ลานหลังบ้าน ต้องมีเด็กมาขโมย
เด็ดลิ้นจี่ ของเราแน่นอน 
ถ้าเราเข้าไปขณะนี้ เด็กๆ ก็จะตกใจ 
อาจตกลงมา ก็จะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น !!

ปล่อยให้พวกเขา เด็ดไปสักครู่หนึ่งก่อน 
พวกเรายืนดู อยู่ข้างนอกนี้แหละ
เศรษฐีกล่าวยิ้มๆ

อาจารย์เต๋อ นิ่งเงียบไปสักครู่..
และกล่าวว่า คุณส่งผม กลับไปสถานีรถไฟเถอะ 
บ้านหลังนี้ ไม่มีความจำเป็น ต้องดูฮวงจุ้ยแล้ว !!

แต่ครั้งนี้ เศรษฐีเป็นผู้แปลกใจ 
ถามว่า ท่านอาจารย์ทำไมพูดเช่นนี้ ?

อาจารย์บอกว่า "สถานที่ที่มีท่านอยู่ 
ล้วนเป็นสถานที่ มีฮวงจุ้ยดีเลิศ"

#แท้จริงแล้ว ความประพฤติของคน
ก็คือฮวงจุ้ยและโชคชะตา

บุคคลที่ไม่มีคุณธรรม มีแต่เห็นแก่ตัว 
เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน 
ถึงแม้จะพากเพียร พยายามวิ่งเต้นไป 
ก็อาจจะเป็นเพียง ความเหนื่อยเปล่าเท่านั้น

#เพราะตัวคุณเอง คือต้นกำเนิดของทุกสิ่ง
#ความดีงามของคุณ ก็คือใบเซียมซี ที่ดีชั่วนิรันดร์

.: เรื่องส่งในเฟส ที่ชอบมาก (ขอบคุณพี่Tawin🙏🏻)

วันศุกร์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2562

คำคม ปรัชญาชีวิต: บันได 10 ขั้น ที่ช่วยเปลี่ยน 'คนอยากรวย' ให้เป็น '...

คำคม ปรัชญาชีวิต: บันได 10 ขั้น ที่ช่วยเปลี่ยน 'คนอยากรวย' ให้เป็น '...: เมื่อเราพูดถึง คนรวย หลายคนมักคิดว่าต้องเป็นคนที่เงินมากมาย ใช้ชีวิตอย่างหรูหราแถมยังไปเที่ยวได้ตลอดเวลา ไม่ต้องมานั่งทำงานเหมือนคนทั่ว ๆ ไ...

บันได 10 ขั้น ที่ช่วยเปลี่ยน 'คนอยากรวย' ให้เป็น 'คนรวย'

เมื่อเราพูดถึง คนรวย หลายคนมักคิดว่าต้องเป็นคนที่เงินมากมาย ใช้ชีวิตอย่างหรูหราแถมยังไปเที่ยวได้ตลอดเวลา ไม่ต้องมานั่งทำงานเหมือนคนทั่ว ๆ ไป ที่จริงแล้วคนรวยหลายคนไม่ได้หาเงินมาได้ง่ายๆ แล้วเพราะอะไรถึงทำให้เขามีเงินมากพอจนนำไปใช้จ่ายตามใจได้ล่ะ?
และนี่คือบันได 10 ขั้นที่จะช่วยเปลี่ยน 'คนอยากรวย' ให้เป็น 'คนรวย'

บันไดขั้นที่ 1 เลิกอยู่อย่างสบาย แล้วออกไปตามหาความลำบากซะบ้าง
แค่ขั้นแรกก็น่าจะยากซะแล้ว เพราะใครหลายคนต่างก็ชอบความสบายทั้งนั้น จะมีใครบ้างพอมีเงินแล้วไม่ใช้? เรื่องง่ายๆที่คนอยากรวยชอบทำงานสบายๆนั่นก็เพราะ 'ปลอดภัย' หลายคนคิดว่าการทำงานสบายเป็นเรื่องแสนสุข แต่จริงๆแล้วคนรวยจะคิดว่าความท้าทายในการทำงานทั้งหลายต่างหากคือความสุข!!! การทำสิ่งใหม่ๆ ในสิ่งที่เราไม่เคยทำมีความเสี่ยง แต่ความเสี่ยงเล็กๆน้อยๆจะช่วยให้เราสร้างความร่ำรวยและได้รับผลตอบแทนที่มากกว่าเดิม
ลองก้าวออกจากโซนปลอดภัย แล้วมองหาทุกความเป็นไปได้ อาจจะต้องลำบากเล็กน้อยถ้าคุณอยากร่ำรวย หรือบางครั้งก็อาจล้มเหลวแต่นั่นแหละสุดยอด เพราะถ้าคุณไม่เคยล้มเหลวแสดงว่าคุณยังพยายามไม่มากพอ

บันไดขั้นที่ 2 สร้างรายได้เพิ่ม และคุมกำเนิดรายจ่าย
ลองคิดดูว่าหากคุณมีรายได้ปีละ 1 ล้านบาทคุณจะใช้ทำอะไรบ้าง? ซื้อรถ? ไปเที่ยว? คนรวยหลายคนไม่นิยมใช้เงินไปกับสิ่งของที่ไม่สร้างมูลค่าเพิ่ม พวกเขามักลงทุนใน ‘สินทรัพย์’ ที่จะช่วยเพิ่มรายได้ให้ตนเอง และคุมรายจ่ายให้ต่ำกว่ารายได้ หลายคนเลือกใช้รถเก่า ไม่ซื้อของใหม่แม้พวกเขาจะมีกำลังเงินซื้อได้ก็ตาม จำไว้เลยว่าถ้ามีรายได้เพิ่มแต่รายจ่ายเพิ่มตาม นั่นคือคุณถังแตก!!!

บันไดขั้นที่ 3 อย่าไต่บันได แต่จงเป็นเจ้าของบันได
หลายคนทำงานเพื่อเลื่อนตำแหน่งเพราะเชื่อว่าจะได้มีรายได้มากขึ้น แต่เหล่าคนรวยจะเป็นเจ้าของธุรกิจซึ่งทำให้พวกเขาเป็นเจ้าของ 'ตำแหน่งงาน' พวกเขาเป็นเจ้าของบันไดที่เหล่าคนอยากรวยทำงานจนหัวหมุนเพื่อไต่เต้าอยู่ คนรวยเข้าใจว่าพวกเขาต้องการคนมาทำงานเพื่อช่วยเขาสร้างรายได้ให้เพิ่มขึ้น

บันไดขั้นที่ 4 เลือกเป็นมิตรให้ถูกคน
เรามักได้ยินว่า คนรวยมักคบกับคนรวย นั่นไม่ใช่เรื่องที่เกินจริง พวกเขาเชื่อว่าเมื่ออยู่ในกลุ่มคนที่ประสบความสำเร็จ เขาสามารถเรียนรู้แลกเปลี่ยนเรื่องต่างๆได้ และสักวันความสำเร็จจะเป็นของเขา แต่...คนอยากรวยชอบอยู่ในกลุ่มคนที่ไม่ประสบความสำเร็จเหมือนๆกัน ถ้าคุณอยากหารายได้เพิ่ม ลองไปเที่ยวกับคนที่มีรายได้มากกว่าตัวเอง จะทำให้เราเปลี่ยนความคิดให้เป็นแบบเดียวกับคนที่ประสบความสำเร็จ จำไว้ว่า “ถ้าอยากเป็นคนรวย ก็ต้องคิดแบบคนรวย”

บันไดขั้นที่ 5 จงทำงานเพื่อสร้างทักษะ
คนอยากรวยหลายคนเปลี่ยนงานเพราะต้องการได้เงินที่ดีกว่า แต่คนรวยรู้ว่าการทำงานไม่ใช่แค่เรื่องเงินเท่านั้น โดยเฉพาะในช่วงปีแรกๆของการทำงาน แต่เป็นการพัฒนาทักษะที่จะช่วยให้เรากลายเป็นคนรวย เช่น การเป็นพนักงานขายเพื่อให้เข้าใจโลกของการค้า หรือเป็นพนักงานธนาคารเพื่อที่จะเข้าใจงานบัญชี ถ้าจะเป็นคนรวยก็ต้องทำงานเพื่อเรียนรู้ทักษะที่จะทำให้คุณรวย เราบอกได้เลยว่าคนรวยไม่ได้รวยเพราะมีรายได้เยอะเพียงอย่างเดียว

บันไดขั้นที่ 6 สะสมเงินทองดีกว่าสะสมสิ่งของ
คนอยากรวยหลายคนสะสมบ้านหรือรถ แต่คนรวยนั้นต่างออกไป พวกเขาเชื่อว่าถ้าอยากร่ำรวยให้มากขึ้น สิ่งที่พวกเขาต้องการไม่ใช่สิ่งของเหล่านี้ แต่เป็นเงินต่างหาก ยิ่งคุณซื้อของมากเท่าไหร่ เงินของคุณก็จะหายไปกับสิ่งของมากเท่านั้น ลองหยุดซื้อของและให้ความสำคัญกับการประหยัด, การเก็บออมและการลงทุนในเงินที่เราหามาได้จะดีกว่า แต่ถ้าคุณเป็นเจ้าแม่นักช็อป ก็เริ่มต้นการช็อปในสินทรัพย์ต่างๆ ให้ความสนใจในการลงทุน และเริ่มสะสมหุ้นในธุรกิจแทนการช็อปรองเท้าหรือเสื้อผ้าแทน

บันไดขั้นที่ 7 เน้นการหารายได้มากกว่าการเก็บออม
การเก็บออมเป็นเรื่องสำคัญ และการลงทุนนั้นสำคัญกว่า แต่การหารายได้นั้นทำให้เกิดทั้งคู่ หลายคนคิดว่าแค่การเก็บออมกับการลงทุนก็เพียงพอ แต่เพื่อให้บรรลุเป้าหมายสูงสุด เราต้องหารายได้ให้มากขึ้น คนรวยเข้าใจจุดนี้และสร้างหนทางเพื่อหารายได้เพิ่ม ถ้าอยากรวยจริงๆ ให้โฟกัสไปที่การหารายได้เพิ่ม ไม่ใช่แค่การเก็บออมหรือลงทุนเท่านั้น

บันไดขั้นที่ 8 อารมณ์ ศัตรูตัวฉกาจของการลงทุน
คนรวยและคนอยากรวยมีข้อแตกต่างที่ชัดเจนคือ คนอยากรวยใช้เงินเพราะอารมณ์แต่คนรวยนั้นใช้เงินเพราะเหตุผล การลงทุนนั้นคือการควบคุมอารมณ์ของตนเอง เพราะอารมณ์เป็นสาเหตุให้เราซื้อของแพงและขายของถูก และอารมณ์ทำให้ธุรกิจล้มเหลว ดังนั้นทิ้งอารมณ์ไปซะแล้วใช้เงินด้วยเหตุผลที่เหมาะสมจะดีกว่า

บันไดขั้นที่ 9 ตั้งเป้าหมายให้ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม และลงมือทำ
บางครั้งคนอยากรวยเองก็มีเป้าหมาย แต่ ขนาดของเป้าหมายทำให้คนรวยและคนอยากรวยแตกต่างกัน คนอยากรวยสร้างเป้าหมายที่ปลอดภัยและทำได้ง่าย แต่คนรวยจะสร้างเป้าหมายจากความตั้งใจแม้เป็นไปไม่ได้ หรือยากหลุดโลกไปเลย แต่พวกเขาเรียนรู้เพื่อหาวิธี และลงมือทำเพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายให้ได้
เมื่อคุณตั้งเป้าหมาย ลองถามตัวเองว่าเป้าหมายยังใหญ่กว่านี้ได้อีกรึเปล่า ลองถามตัวเองว่าคุณทำได้แค่นี้หรือทำได้มากกว่านี้อีก แต่เราคิดว่าคุณทำได้มากกว่านี้นะ และที่สำคัญอย่าลืมลงมือทำ เพราะถ้าไม่ลงมือทำมันจะเป็นแค่ ‘เพ้อฝัน’

บันไดขั้นที่ 10 กระจายงานสร้างหนทางรวย
การทำงานหนักเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเราทุกคน และถ้าคุณอยากขึ้นไปให้ถึงจุดสูงสุด (ไม่ว่านั่นคืออะไรก็ตาม) คุณก็ต้องทำงาน ปัญหาก็คือการทำงานหนักเพียงคนเดียวนั้นแทบจะไม่ทำให้คุณรวย คุณไม่สามารถรวยได้เพียงลำพัง คุณต้องอาศัยการกระจายงาน ตั้งแต่การจ้างคนภายนอกมาทำงานไปจนถึงการลงทุน ยิ่งคุณกระจายงานได้มาก คุณก็ยิ่งมีเวลาที่จะโฟกัสในสิ่งสำคัญทั้งในเรื่องธุรกิจหรือเรื่องชีวิตของคุณเอง
บันได 10 ขั้น ที่ช่วยเปลี่ยน 'คนอยากรวย' ให้เป็น 'คนรวย'

บันไดเหล่านี้บางขั้นสูงมากแต่บางขั้นก็เหมือนแค่ทางต่างระดับเล็กๆเท่านั้น
 แต่สิ่งสำคัญคือ “ถ้าคุณอยากเป็นคนรวยจงคิดแบบคนรวย และทำเหมือนที่คนรวยทำ”
 ลองนำไปปรับใช้ให้เข้ากับการดำเนิชีวิตของตัวเองดูนะคะ

วันอาทิตย์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2562

ในสมัยขงจื๊อ ยังมีนักปราชญ์คนหนึ่ง...ที่เหนือกว่าขงจื๊อ เขามีอาชีพประมง ชื่อหยีฟู่



ในสมัยขงจื๊อ ยังมีนักปราชญ์คนหนึ่ง...ที่เหนือกว่าขงจื๊อ เขามีอาชีพประมง ชื่อหยีฟู่

ขงจื๊อ นั่งดีดพิณร้องเพลง ระหว่างการท่องเที่ยวป่าดำ ชายชราคิ้วขาว หนวดขาวยาวย้อยต่ำ ผมขาวกระจายคลุมไหล่ สองมือยัดใส่แขนเสื้อ ขึ้นจากเรือเดินเข้ามา ได้ยินเสียงเพลงก็นั่งคุกเข่า มือเท้าคาง นั่งฟังอย่างตั้งใจ เพลงจบ..พอรู้ว่าเป็นขงจื๊อ ผู้แสวงหาทางการเมือง หยีฟู่ก็หัวร่อ

“ที่เขาเหนื่อยยากถึงปานนี้ ก็น่ายกย่อง แต่ถ้าเขาขืนทำเช่นนี้ต่อไป ก็น่ากลัวว่าเขาจะห่างไกลจากมรรคออกไปทุกวัน” แล้วก็เดินจากไป

เมื่อขงจื๊อทราบ ก็ผลักพิณไปข้างหนึ่ง บอกศิษย์ว่า “ชาวประมงนั้น เป็นคนมีสติปัญญาล้ำเลิศ” แล้วก็เดินตามไปทันหยีฟู่ ที่ริมทะเลสาบ ค้อมคำนับหยีฟู่ แล้วบอกว่า

“ถ้อยคำที่ท่านพูดสักครู่ ดูจะยังไม่จบ ข้าพเจ้าโง่เขลา ใคร่ขอฟังคำสอนจากท่านอีก”

“ท่านนับเป็นคนรักการศึกษา”

“ข้าพเจ้ารักการศึกษามาตั้งแต่เด็ก เวลานี้มีอายุ 69 ปีแล้ว”

“คนเรามีโรคร้าย 8 ประการ มีความทุกข์ 4 ประการ จะไม่สนใจมิได้” หยีฟู่กล่าว

ทำในสิ่งที่ท่านไม่ควรทำ นี่เรียกว่า แส่เสือก

คนอื่นเขาไม่เชื่อในถ้อยคำของท่าน แต่ท่านก็พูดไม่รู้จบ นี่เรียกว่าเพ้อพล่าม

เดาใจของผู้อื่น พูดในสิ่งที่ผู้อื่นเขาอยากจะฟัง นี่เรียกว่าประจบ

ไม่รู้ดีชั่ว เออออตามคนอื่นเขา นี่เรียกว่าสอพลอ

ชอบนินทาความผิดของผู้อื่น นี่เรียกว่าใส่ไคล

้ทำลายความสัมพันธ์ของคนอื่น นี่เรียกว่ายุแยง

ยกย่องคนชั่ว ขับไสคนที่เกลียดชัง นี่เรียกว่าเจ้าเล่ห์

ไม่แยกดีชั่ว ทำดีกับสองฝ่าย เพื่อให้เขาชอบ นี่เรียกว่ากลิ้งกลอก

หยีฟู่สรุปว่า
“โรคร้ายทั้ง 8 ประการนี้ ต่อภายนอกก็ก่อกวนคนอื่น ต่อภายในก็ทำร้ายตัวเอง  นี่เป็นสิ่งที่ผู้มีสติปัญญามิยอมชิดใกล้”

“ถ้าเช่นนั้น ที่ว่า ความทุกข์ 4 ประการนั้นเล่า คืออย่างไร”  ขงจื๊อถามต่อ

หยีฟู่กล่าว
“คิดจะทำแต่เรื่องใหญ่ เพื่อหาชื่อเสียง นี่เรียกว่า มักใหญ่

ทำเป็นอวดฉลาด ทำอะไรตามใจชอบ เอาแต่ความคิดเห็นของตนเอง ไม่คำนึงถึงการล่วงเกินผู้อื่น นี่เรียกว่า ถือดี

มองเห็นความผิดของตน แต่ไม่ยอมแก้ไข ครั้นเมื่อได้ฟังคำตักเตือนของคนอื่น ก็กลับโมโหโกรธา นี่เรียกว่า ยโส

ถ้าความเห็นนั้นตรงกับของตนก็ว่าถูก ถ้าความเห็นนั้นไม่ตรงกับคนอื่น แม้จะดีก็ว่าไม่ดี นี่เรียกว่า ทะนง"

“คนคนหนึ่ง ถ้าหาก มีความทุกข์ 4 ประการนี้แล้ว ก็ยากที่จะสนทนา”

จวงจื๊อ ปราชญ์รุ่นหลังขงจื๊อ ผู้เขียนเรื่องนี้ (มรดกจากเต๋า จวงจื๊อจอมปราชญ์ บุญศักดิ์ แสงระวี เรียบเรียง) ทิ้งท้าย...ขงจื๊อได้ฟังแล้ว สีหน้าก็เปลี่ยนไป ค้อมคำนับอีกสามครา แล้วก็จากมา

หยีฟู่ ชายชราคิ้วขาว เคราขาวยาวคลุมอก ผู้กล้าสอนขงจื๊อ ทำให้ขงจื๊อต้องคำนับแล้วคำนับอีก จวงจื๊อไม่ได้บอกว่าเป็นใคร มาจากไหน บอกแต่เพียงว่า สอนขงจื๊อแล้ว ก็ลงเรือหายไปในทะเลสาบ

แต่คำสอน โรคร้ายทั้ง 8 ความทุกข์ทั้ง 4 ยังมีผู้บันทึกไว้ ให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้ว่า บ้านเมืองที่มีแต่คนป่วยเป็นโรคร้ายทั้ง 8 มีแต่คนมีทุกข์ทั้ง 4 เป็นบ้านเมืองที่หาความสงบสุขไม่ได้

วันอังคารที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2561

พ่อค้า นักธุรกิจ นักลงทุน



พ่อค้า...
เลือกกำไรชิ้นละ20บาท
แต่ขายได้วันละ100ชิ้น

นักธุรกิจ...
เลือกกำไรชิ้นละ5บาท
แต่ขายได้วันละ1,000ชิ้น

นักลงทุน...
เลือกกำไรชิ้นละ1บาท
แต่ขายได้วันละ100,000ชิ้น

พ่อค้า....
ยอมยืนลวกก๋วยเตี๋ยววันละ8ชั่วโมง
เพื่อกำไรวันละ3,000

นักธุรกิจ....
ยอมจ้างมืออาชีพมา
ยืนลวกก๋วยเตี๋ยวแทนตัวเอง
แม้จะเหลือกำไรเพียงวันละ1,000
เพื่อจะได้มีเวลาไปเปิดสาขา2-3-4

นักลงทุน...
ยอมเสียเงินมหาศาล
ให้กับค่าระบบ และบุคลากรมืออาชีพ
สร้างแบรนด์ ขายระบบ ขยายตัวไปทั่วโลก

พ่อค้า....พาลูกไปสมัครเรียน
ต้องปิดร้าน ขาดรายได้

นักธุรกิจ....
สั่งงานผ่าน ผู้จัดการ

นักลงทุน....
นั่งจิบกาแฟอยู่ริมทะเล เงินก็ยังเข้าบัญชี

ผมเอง..
ก็ยังไม่สามารถ เป็นนักธุรกิจได้เต็มปาก
และยัง ห่างไกลคำว่า นักลงทุนอยู่

แต่ผมมีความเชื่อมั่นว่า
หากเราพยายาม ทุ่มเท ที่มากพอ
เราทำได้ทุกคน...

โรเบิร์ต คิโยซากิ เคยกล่าวว่า

คนจน...ออกไปทำงานเพื่อให้ได้เงิน
คนรวย...จ้างคนเก่ง จ้างมืออาชีพ
มาหาเงินให้ตัวเองใช้

สิ่งที่เขาบอกคนทั้งโลก...จริง

ถ้าใครอยู่ในแวดวงธุรกิจจะทราบดีว่า
มหาเศรษฐีหมื่นล้านเมืองไทย จบ ป.4
แต่มีลูกน้องเป็น...ด็อกเตอร์ทั้งนั้น

มีคนสำเร็จเคยกล่าว

การเปลี่ยนจากพ่อค้า
ไปเป็นนักลงทุนไม่ยาก
ไม่ต้องเปลี่ยนอะไร ไม่ต้องเปลี่ยนอาชีพ
นอกจาก...วิธีคิด

ชีวิตเราจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
หากเรายังมีความคิดเดิมๆ
เพราะมันจะทำให้เรา ใช้ชีวิตแบบเดิมๆ

ไม่เปลี่ยนที่ความคิด
ชีวิตไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้เลย

Cr.สิริทัศน์ สมเสงี่ยม

วันจันทร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

เป้าหมายความสำเร็จในแต่ละช่วงอายุวัยทำงาน

เป้าหมายความสำเร็จในแต่ละช่วงอายุวัยทำงาน

นการที่จะก้าวขึ้นไปสู่ความสำเร็จในการทำงานได้นั้น สิ่งหนึ่งที่ต้องมี ก็คือ เป้าหมายในการทำงาน ไม่เช่นนั้นเราจะมาทำงานกันทำไมล่ะ จริงไหม แต่หลายคนยังเข้าใจว่าเป้าหมายความสำเร็จ มีเพียงแค่ ตั้งเป้าว่า เมื่อถึงอายุเท่านี้ ๆ จะต้องเก็บเงินให้ได้ XXX บาท ซึ่งเป้าหมายในลักษณะนี้ ถ้าให้กล่าวตรง ๆ เป็นเป้าหมายที่ดูเลื่อนลอยเกินไป ไม่มีการสร้างบันไดว่าจะต้องประสบความสำเร็จอะไรก่อนบ้าง จึงจะก้าวไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ได้ ทำให้มนุษย์เงินเดือนหลายคน ทำตามเป้าหมายไม่สำเร็จสักที
ด้วยเหตุนี้ การตั้งเป้าหมายความสำเร็จในแต่ละช่วงอายุของการทำงาน จึงเป็นสิ่งสำคัญมาก โดยเฉลี่ยแล้ว ชีวิตการทำงานของมนุษย์ มักจะเริ่มตั้งแต่ช่วง 21 – 30 ปี ไม่ควรเกินนี้ เพราะจะทำให้หางานลำบาก แต่ช่วงพีคจริง ๆ จะอยู่ที่ 25 ปี

shutterstock_439653067

เป้าหมายของคนทำงานวัย 25 ปี

คือ การรู้ว่าตนเองชอบทำงานอะไรและมีวิธีการใดที่จะหาเงินรายได้เข้าบ้าน จะลงทุนอะไรได้บ้าง เมื่อมีเป้าหมายเช่นนี้ คนในช่วงอายุ 25 ปี จึงควรออกค้นหาตนเอง ศึกษาวิธีการลงทุนต่าง ๆ ให้ละเอียดรอบคอบ ทดลองลงทุน ทำงานหลาย ๆ อย่าง เนื่องจากยังเป็นช่วงอายุที่มีเวลาในชีวิตมาก ยังทำอะไรได้หลายอย่าง ต่อให้ต้องล้มก็ยังมีเวลาที่จะลุกขึ้นมาสู้ได้ใหม่ การทำเช่นนี้ นอกจากจะทำให้รู้ว่าตนเองชอบอะไรอย่างแท้จริงแล้ว ยังเป็นการหาประสบการณ์การทำงานให้กับตนเองด้วย

ช่วงอายุต่อมา คือ อายุ 30 – 40 ปี

เป็นช่วงที่ต้องเริ่มสร้างครอบครัว หากพ้นจากช่วงนี้ไปแล้ว การสร้างครอบครัวจะกลายเป็นเรื่องยาก เพราะฉะนั้น เป้าหมายความสำเร็จของคนในวัย 30 ปี ก็คือ การมีครอบครัวที่อบอุ่น มีที่อยู่อาศัย สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ และมีความมั่นคงในการใช้ชีวิตส่งผลให้รายจ่ายช่วงนี้จะมหาศาล คนตั้งแต่อายุ 30 ปี จึงจำเป็นต้องจับงานที่มีอยู่ให้อยู่มือแล้ว ไม่ใช่จะมามัวแต่หาสิ่งที่ตนเองชอบเหมือนกับตอนอายุ 20 อีก เพราะงานจะเริ่มหายากขึ้นเรื่อย ๆ กลายเป็นว่าชีวิตไม่มีความมั่นคง เลี้ยงครอบครัวไม่ได้ อีกอย่างหนึ่งถึงจะจับงานไว้ได้อยู่มือแล้ว ก็ต้องพยายามถีบตัวเองให้มีก้าวหน้าทางหน้าที่การงานมากขึ้น เพราะนั่นจะหมายถึงรายได้ที่เพิ่มพูนมากขึ้นตามไปด้วย ยิ่งถ้าใครโตในหน้าที่การงานเร็ว ความมั่นคงในครอบครัวก็จะเร็วขึ้นตามไปด้วย

ถัดมา คือ ช่วงอายุตั้งแต่ 40 – 50 ปี

ช่วงนี้น่าจะเรียกได้ว่า มีความมั่นคงในหน้าที่การงานและครอบครัวแล้ว แต่ยังเหลืออนาคตลูกอยู่ ซึ่งการที่มีความมั่นคงนี้ ทำให้ภาระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เริ่มลดน้อยลง เป้าหมายความสำเร็จของคนอายุ 40 จึงเป็นการส่งลูกเรียนอย่างเต็มที่ให้ลูกมีอนาคตที่สดใส รวมถึงต้องเริ่มเก็บเงิน เตรียมเกษียณด้วย เพราะเหลือเวลาทำงานอีกไม่มาก สิ่งที่ต้องทำจึงเป็นการกระจายการลงทุน ลดสัดส่วนการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงลงเพื่อให้ได้เงินปันผลมากที่สุด และหากใครที่ยังเติบโตในหน้าที่การงานไม่สุด ก็ต้องโตให้ได้ในช่วงระยะเวลานี้ เพราะเป็นช่วงสุดท้ายแล้ว หากพ้นจากนี้ก็ไม่มีโอกาสจะเติบโตอีก อย่างน้อยสักอายุ 45 ควรจะดำรงตำแหน่งเป็น Boss ได้แล้ว

ช่วงอายุต่อมา คือ ช่วง 50 – 60 ปี

ช่วงนี้ถือว่าเป็นช่วงเกษียณอายุอย่างแท้จริง เพราะลูกก็โตแล้ว สามารถทำงานหาเงินเองได้แล้ว แถมตัวเราก็อายุมาก ไม่อาจจะทำงานได้ดีเหมือนเดิม เป้าหมายความสำเร็จในช่วงอายุนี้ ก็คือ ต้องมีเงินก้อนสำหรับใช้จ่าย ยามที่ไม่มีงานประจำทำแล้วและสามารถดูแลตัวเองได้ ช่วงก่อนเกษียณ ตั้งแต่ 50 – 55 จึงต้องพยายามหาเงินโค้งสุดท้ายให้ได้ ถ้าเป็นคนที่เตรียมเกษียณในช่วงอายุ 40 – 50 มาดี ชีวิตช่วงนี้จะไม่ลำบากสักเท่าไร แต่ถ้าเตรียมตัวมาน้อย ช่วงนี้ก็อาจจะลำบากนิดหนึ่ง เพราะต้องเริ่ม Speed Up การหาเงินแล้ว ถ้ายังไม่สามารถหาเงินได้ ช่วงตั้งแต่ 55 เป็นต้นไปจะลำบาก ต้องพึ่งเงินของลูกหลานเพียงอย่างเดียว

ต่อมาเข้าสู่ช่วงอายุสุดท้ายของมนุษย์ นั่นก็คือ 60 ขึ้นไป

ช่วงนี้จะถือว่าเป็นวัยเกษียณอย่างสมบูรณ์ ไม่มีงานประจำทำอีกต่อไป เงินที่จะนำมาใช้ชีวิตจะเป็นเงินที่ได้หาไว้ตอนก่อนเกษียณกับเงินบำนาญจากหน่วยงานที่เคยทำอยู่นิด ๆ หน่อย ๆ โดยเป้าหมายความสำเร็จในชีวิตของคนอายุ 60 ปี ก็คือ การได้อยู่อย่างมีความสุข มีสุขภาพแข็งแรง ได้ทำสิ่งที่อยากทำมาตลอดชีวิต แต่ไม่มีโอกาสเพราะติดงาน คนวัย 60 จึงมักจะออกท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่าง ๆ หรือไม่ก็เรียนในสิ่งที่ตัวเองอยากเรียนมานาน ดังจะเห็นได้ว่าบางทีมีคนอายุ 60 มาสมัครเรียนปริญญาโท ปริญญาเอกก็มี ถึงแม้จะไม่ได้นำไปใช้ แต่ก็ถือว่าได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบแล้ว อย่างไรก็ตาม คนในวัย 60 มักจะมีปัญหาเรื่องของสุขภาพ เพราะสภาพร่างกายเสื่อมไปตามวัย ทำให้นอกจากจะใช้เงินสำหรับท่องเที่ยวแล้ว ยังต้องใช้เงินหมดไปกับการดูแลสุขภาพด้วย บางคนที่ดูแลสุขภาพมาตลอดชีวิต พอเข้าช่วงนี้ก็อาจจะสบายหน่อย แต่ถ้าตอนยังหนุ่มยังสาว ไม่ค่อยได้ดูแลสุขภาพของตัวเอง ก็อาจจะลำบากนิดหนึ่ง

ทั้งหมดที่กล่าวมา ก็คือ เป้าหมายความสำเร็จที่คนในแต่ละช่วงอายุควรมี ขอให้มนุษย์เงินเดือนทุกคนอย่าประมาทในการใช้ชีวิต หากอยู่ในช่วงที่เก็บเงินได้ก็ขอให้ตั้งใจทำงาน เก็บหอมรอมริบให้ดีที่สุด เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียใจในยามแก่

วันอังคารที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2561

คำคม ข้อคิดดีๆ จากหลากหลายนักปราชญ์ ทั่วโลก


 
1. “ใช้ชีวิตให้เสมือนว่าพรุ่งนี้ท่านจะไม่มีชีวิตอยู่แล้ว เรียนรู้ให้เสมือนว่าท่านจะอยู่ในโลกนี้ต่อไปไม่มีวันสิ้นสุด” …มหาตมะคานธี…
2. “สามคนเดินมา ต้องมีคนหนึ่งที่เป็นครูเราได้” …ขงจื้อ…
3. “ความรักเป็นสิ่งมีค่า แต่สิ่งที่มีค่ามากกว่าความรักนั้นมีอยู่” …พระมหาวีระพันธ์ ชุติปัญโญ…
4. “ตาสามารถมองเห็นสิ่งที่ไกลได้ แต่ไม่สามารถมองเห็นคิ้วของตัวเองได้” …ขงเบ้ง…
5. “ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว” …พุทธสุภาษิต หมวดธรรมเบื้องต้น

คำคมจากนักปราชญ์

6. “กรรมชั่วของตน นำตนไปสู่ ทุคติ” …พุทธสุภาษิต หมวดกรรม…
7. “บรรดาการงานของมนุษย์ก็เพื่อปากของเขา แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่รู้จักอิ่ม” …คัมภีร์ไบเบิ้ล ปัญญาจารย์ 6:7…
8. “สิ่งที่ดีและสวยงามที่สุดในโลกมองไม่เห็นและจับต้องไม่ได้แต่จะรู้สึกได้จากหัวใจ” …Helen Keller กวีชาวอเมริกัน…
9. “สิ่งที่ได้มาเปล่าคือความเฒ่าชรา สิ่งที่ต้องแสวงหาคือคุณค่าของชีวิต” …หลวงปู่จันทร์ กุสโล…
10. “อยู่ใต้ฟ้าเดียวกันก็จริง แต่คนเราเห็นขอบฟ้าไม่เหมือนกัน” …Konrad Adenauer กวีชาวเยอรมัน…
11. “คนเราแก้ไขอดีตไม่ได้ แต่เปลี่ยนอนาคตได้” …วินทร์ เลียววาริณ…
12. “จุดที่ต่ำสุดของชีวิตที่ทุกคน มีโอกาสประสบเป็นได้ทั้งจุดจบและบทเรียนที่ดี” …ภาษิตตะวันตก…
13. “มีเพียงชีวิตเพื่อผู้อื่นเท่านั้นที่มีคุณค่าแก่การมีชีวิต” …อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์…
14. “คนฉลาดไม่เคยร้องไห้หาสิ่งที่สูญเสียไป แต่เขาจะหาวิธีปรับแต่งแก้ไขความเสียหายนั้นอย่างร่าเริง” …วิลเลียม เชคสเปียร์…
15. “คนเรานั้นมักมีความสุขจากการได้มากกว่าความสุขจากการมี” …พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล…
16. “ไม่มีสิ่งใด ๆ ในโลกที่ดีหรือเลว มีแต่ความคิดของเราเท่านั้นที่ทำให้เกิดความดีและความเลว” …วิลเลียม เชคสเปียร์…
17. “บางครั้งคนเราก็ทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างเพื่อสิ่งที่ไร้ค่า” …อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์…
18. “เมื่อได้เพียรพยายามแล้ว ถึงจะตายก็ชื่อว่า ตายอย่างไม่มีใครติเตียน” …พุทธสุภาษิต หมวดความเพียร…
19. “หากบริษัทขาดคุณไปเค้าก็หาคนอื่นมาแทนคุณได้ แต่ถ้าครอบครัวขาดคุณไปก็หาใครมาแทนที่คุณไม่ได้” …จาก ภรรยาที่รักของคุณ…
20. “ความยโสโอหังเป็นที่มาของบรรดาความทุกข์ยาก” …มหาตมะคานธี…


21. “พูดความจริงแค่ครึ่งเดียว ก็คือการโกหกทั้งหมด” …ภาษิตชาวยิว…
22. “ลมหายใจเฮือกแรกของความรัก คือลมหายใจเฮือกสุดท้ายของความฉลาด” …แอนทอยเบร์ต…
23. “ความสุขแบบยั่งยืนที่แท้จริงแล้ว ทุกคนต้องรู้จักพอ แล้วเลิกยกย่องคนที่เงิน แต่ให้ยกย่องคนดี” …อาจารย์ จตุพล ชมพูนิช…
24. “กุหลาบที่ไร้หนามในโลกนี้มีเพียงสิ่งเดียว คือ มิตรภาพ” …โกวเล้ง…
25. “ความรัก คือ สองวิญญาณรวมกัน และ สองหัวใจเต้นพร้อมกัน” …วอน เบลลิ่งเฮาเซ่น…
26. “กตัญญูเป็นการแสดงออกของจิตใจอันสูงส่งและประเสริฐ” …ภาษิตจีน…
27. “หน้าที่ของมนุษย์ คือการช่วยเหลือบุคคลผู้ที่อ่อนแอกว่าเรา มิใช่เอาเปรียบผู้อื่นที่อ่อนแอกว่า” …ภาษิตตะวันตก…
28. “เวลาเหมือนน้ำไหล ผ่านไปไม่คืนกลับ” …สุภาษิตจีน…
29. “คนโกรธฆ่าได้แม้แต่มารดาตน” …พุทธสุภาษิต…
30. “แสวงหาที่ไม่เห็นแจ้งในธรรมย่อมไม่เห็นแจ้งนิพพานที่อยู่ใกล้ตัว” …พุทธพจน์…
31. “คนประมาทเปรียบเสมือนคนตายแล้ว” …พุทธสุภาษิต หมวดความเพียร…
32. “ความว้าเหว่เป็นธรรมอันอยู่ในตัวของทุกคนอยู่แล้ว อย่ามองว่ามันเกิดขึ้นเพราะอยู่คนเดียว” …พระอาจารย์ มิตซูโอะ คเวสโก พระภิกษุชาวญี่ปุ่น…
33. “รักแท้หายาก แต่มิตรแท้หายากกว่า” …ภาษิตจีน…
34. “ตัณหาเหมือนทะเลไม่อิ่มน้ำ ไฟไม่อิ่มเชื้อ ธรรมชาติของตัณหาคือยิ่งเติมยิ่งไม่เต็ม” …ว.วชิรเมธี…
35. “มีเงินทองใช่สุขศรี มีความดีนี่สิสุขสันต์” …ภาษิตจีน…
36. “การให้อภัยคือการปลดปล่อยนักโทษและนักโทษผู้นั้นก็คือตัวคุณนั่นเอง” …Corrie ten Boom ผู้ช่วยเหลือชาวยิวจากค่ายกักกันของนาซี…
37. “ความแค้นที่ไร้เหตุผล เสมอเผาเรือนตนเพื่อไล่หนูตัวเดียว” …ภาษิตอังกฤษ…
38. “ความแค้น คือ ความเศร้าที่ตกตะกอน” …ภาพยนตร์เรื่อง Interpreter…
39. “ผู้สูญเสียความซื่อสัตย์เหมือนสูญเสียแล้วทุกสิ่งทุกอย่าง” …ภาษิตจีน…
40. “การพูดให้ร้ายไม่ทำให้คนดีเป็นคนเลว เพราะเมื่อน้ำลดหินก็ยังอยู่ที่เดิม” …ภาษิตจีน…
41. “กามทั้งหลายเป็นของเผ็ดร้อนเหมือนงูพิษ คนโง่ที่หมกมุ่นต้องแออัดทุกข์ยากอยู่ในนรกตลอดกาล” …พุทธสุภาษิต…
42. “หากพ่อแม่คาดหวังอยากจะให้ลูกเป็นคนดีนั้น พ่อแม่ต้องช่วยทำให้ลูกเป็นคนดีด้วย” …จาก 50 ข้อคิดมุมมองเพื่อเข้าใจชีวิต…
43. “ถึงสิ้นชีพไว้ลายว่าชายชาญ มอบวิญญาณเลือดเนื้อเพื่อบ้านเมือง” …ขยายความจากเพลงความฝันอันสูงสุด พระราชดำรัสสมเด็จพระเทพ ฯ…
44. “ชีวิตเราอาจเปลี่ยนไปตลอดกาลได้ เพราะคนเพียงคนเดียวหรือความคิดเพียงแวบเดียว” …ภาษิตตะวันตก…
45. “ถ้ามัวแต่ดูถูกคนอื่นเพื่อให้ตัวเองดูดีแล้วเมื่อไหร่จะได้เห็นความสวยงามของโลก” …จากหนังสือกล้าที่จะก้าว โดย Cartoon…
46. “ถ้ามองแต่ความผิดของคนอื่นเธอจะมีแต่ความเกลียด ถ้ามองแต่ความดีของคนอื่นเธอจะมีแต่ความรัก” …ภาษิตตะวันตก…
47. “หนึ่งชั่วโมงแห่งความรักดีกว่าตลอดชีพแห่งความเกลียดชัง” …อะบราเบ็น…
48. “ถึงโรงเหล้าเตากลั่นควันโขมง มีคันโพงผูกสายไว้ปลายเสา โอ้บาปกรรมน้ำนรกเจียวอกเรา ให้มัวเมาเหมือนหนึ่งบ้าเป็นน่าอาย” …บทกลอน “น้ำนรก” จากนิราศภูเขาทองของสุนทรภู่…
49. “คุณอาจเป็นเพียงคนหนึ่งบนโลกใบนี้ แต่คุณอาจเป็นโลกทั้งใบของใครคนหนึ่งก็ได้” …ภาษิตตะวันตก…


50. “จงใช้ความรักเอาชนะความรัก” …อเล็กซานเดอร์ บาร์เคลย์…
51. “ไม่ว่าปัญหาในอดีตจะแก้ไขได้หรือไม่ เราต้องดำรงชีวิตอย่างมีความหมายต่อไป” …อัลแบร์ กามูส์ นักปรัชญาชาวฝรั่งเศส…
52. “การไม่สามารถแยกดีชั่วได้เป็นบุคคลที่น่าห่วงใยที่สุด” …ภาษิตจีน…
53. “ความแค้นล้วนมีเหตุผล แต่เหตุผลที่ดีไม่ค่อยมี” …สามก๊ก…
54. “ถ้าเราติดกระดุมแรกผิด เม็ดต่อไปมันก็ผิดหมด” …พระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว…
55. “คิดดีเป็นเรื่องหนึ่ง แต่กระทำดีเป็นอีกเรื่องหนึ่ง” …มหาตมะคานธี…
56.  “ไม่มีสิ่งใดที่ดีหรือเลว มีแต่ความคิดของเราเท่านั้น ที่ทำให้เกิดความดีและความเลว” …วิลเลี่ยม เชคสเปียร์…
57. “โอกาสไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนมองเห็น เพราะถ้าทุกคนมองเห็น สิ่งนั้นไม่เรียกว่าโอกาส” …NESTOR URCHING…
58. “ภัยที่น่ากลัวคือ การกระทำที่ไม่รู้จักคิด” …ภาษิตจีน…
59. “ถ้าเรามัวทะเลาะด้วยเรื่องเมื่อวานนี้ เราจะสูญเสียวันพรุ่งนี้” …เซอร์วินสตัน เชอร์ชิว… อดีตนายกฯและรัฐบุรุสอังกฤษ
60. “คุณอาจได้อะไรมากมายจากการเห็นแก่ตัว แต่สิ่งที่คุณไม่มีทางได้เลย คือโอกาสเข้าไปนั่งในใจคน” …ท่าน ว.วชิรเมธี…
61. “บัณฑิตรู้เฉพาะเรื่องที่ชอบด้วยคุณธรรม คนพาลรู้เฉพาะเรื่องที่ได้ผลกำไร โดยไม่คำนึงถึงคุณธรรม” …ขงจื้อ…
62. “ไม้คดใช้ทำขอ เหล็กงอใช้ทำคียว แต่คนคดเคี้ยว ใช้ทำอะไรไม่ได้เลย” …ขงเบ้ง…
63. “ผู้ชนะไม่ได้หมายถึงคนที่มาเป็นที่หนึ่ง แต่หมายถึงคนที่ทำได้ดีกว่าที่เคยทำ” …บอนนี่ แบลร์ นักสเก็ตน้ำแข็งเจ้าของเหรียญทองโอลิมปิก 6 สมัย…
64. “ถ้าคิดว่าข้าศึกมีทางเลือกเพียงสองทาง จงแน่ใจว่าเขาจะเลือกทางที่สาม” …ภาษิตจีน…
65. “สิ่งที่สมบูรณ์แล้วโดยแท้มันก็มีความบกพร่องอยู่ สิ่งที่บกพร่องอยู่แท้จริงมันก็สมบูรณ์ดีอยู่แล้ว” …ท่านพุทธทาสภิกขุ…
66. “ความมีชื่อเสียงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเราไม่ได้ประกอบส่วนด้วยความไม่เคยตกต่ำ หากแต่เราลุกขึ้นได้ทุกครั้งที่เราตกต่ำลง” …ภาษิตตะวันตก…
67. “อยู่อย่างมีภูมิคุ้มกัน อย่าประมาท รักษาความพอประมาณ แค่นี้ชีวิตก็สงบ” …พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว…
68. “ความหมายของชีวิต มิได้อยู่ที่เค้าได้รับสิ่งใด แต่อยู่ที่เขาปรารถนาจะได้รับสิ่งใด” …คาห์ลิล ยิบราน…
69. “บทเรียนราคาแพงไม่ใช่บทเรียนที่เสียเงินมาก แต่เป็นบทเรียนที่เสียใจมาก” …ภาษิตตะวันตก…
70. “มนุษย์แสวงหาสิ่งภายนอกเป็นเครื่องตอบแทนความว่างเปล่าในตนเอง” …อีริค ฟรอมม์ นักจิตวิทยาชาวเยอรมัน…
71. “การทำงานอย่าเอาทิฐิของตนต้องเข้าใจเหตุผลของงาน” …ภาษิตจีน…
72. “ถ้าต้องการจะเห็นสายรุ้ง คุณจะต้องยอมอดทนกับสายฝนก่อน” …ดอลลี่ พาร์ตัน…
73. “ต้องใช้หินถึงสองก้อนถึงจะเกิดไฟได้” …Liuosa May Alcott…
74. “ความจริงคือสิ่งที่พึงรู้ ความดีงามคือสิ่งที่ควรกระทำ” …พระเทพเวที…
75. “ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่เกือบทั้งหมด สร้างสรรค์โดยคนหนุ่มสาว” …เบนจามิน ดิสแรลี อดีตนายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักร…
76. “เราไม่สามารถสอนอะไรใครได้เลยเราเพียงช่วยให้เขาค้นพบสิ่งที่อยู่ในตัวเขาเท่านั้น” …กาลิเลโอ กาลิเลอี…
77. “ความกล้าทำให้ตัวเรายิ่งใหญ่กว่าอุปสรรค” …ภาษิตตะวันตก…

อ่านเถอะ.. แค่ครึ่งเดียวก็ได้ ไม่ต้องให้จบ

อ่านเถอะ.. แค่ครึ่งเดียวก็ได้ ไม่ต้องให้จบ ************************* . มีเศรษฐีคนหนึ่ง ได้ซื้อที่ดินแปลงหนึ่ง สร้างเป็นที่พักตากอากาศ ในช่วง...