กลอน คำคม ปรัชญา คติสอนใจ ปรัชญา คติเตือนใจ ปรัชญาชีวิต คำคมชีวิต คำคมโดนใจ คำคมเด็ดๆ ประโยคโดนๆ ข้อคิดคำคม คำคมการทำงาน คำคมโดนๆ คําคมความรัก คำคมคมโคตร คําคมอกหัก คําคมสอนใจ คําคมโดนใจ คําคมแรงๆ คําคมกวนๆ คำคมติดเรท คำสอนใจ
วันอาทิตย์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2562
ในสมัยขงจื๊อ ยังมีนักปราชญ์คนหนึ่ง...ที่เหนือกว่าขงจื๊อ เขามีอาชีพประมง ชื่อหยีฟู่
ในสมัยขงจื๊อ ยังมีนักปราชญ์คนหนึ่ง...ที่เหนือกว่าขงจื๊อ เขามีอาชีพประมง ชื่อหยีฟู่
ขงจื๊อ นั่งดีดพิณร้องเพลง ระหว่างการท่องเที่ยวป่าดำ ชายชราคิ้วขาว หนวดขาวยาวย้อยต่ำ ผมขาวกระจายคลุมไหล่ สองมือยัดใส่แขนเสื้อ ขึ้นจากเรือเดินเข้ามา ได้ยินเสียงเพลงก็นั่งคุกเข่า มือเท้าคาง นั่งฟังอย่างตั้งใจ เพลงจบ..พอรู้ว่าเป็นขงจื๊อ ผู้แสวงหาทางการเมือง หยีฟู่ก็หัวร่อ
“ที่เขาเหนื่อยยากถึงปานนี้ ก็น่ายกย่อง แต่ถ้าเขาขืนทำเช่นนี้ต่อไป ก็น่ากลัวว่าเขาจะห่างไกลจากมรรคออกไปทุกวัน” แล้วก็เดินจากไป
เมื่อขงจื๊อทราบ ก็ผลักพิณไปข้างหนึ่ง บอกศิษย์ว่า “ชาวประมงนั้น เป็นคนมีสติปัญญาล้ำเลิศ” แล้วก็เดินตามไปทันหยีฟู่ ที่ริมทะเลสาบ ค้อมคำนับหยีฟู่ แล้วบอกว่า
“ถ้อยคำที่ท่านพูดสักครู่ ดูจะยังไม่จบ ข้าพเจ้าโง่เขลา ใคร่ขอฟังคำสอนจากท่านอีก”
“ท่านนับเป็นคนรักการศึกษา”
“ข้าพเจ้ารักการศึกษามาตั้งแต่เด็ก เวลานี้มีอายุ 69 ปีแล้ว”
“คนเรามีโรคร้าย 8 ประการ มีความทุกข์ 4 ประการ จะไม่สนใจมิได้” หยีฟู่กล่าว
ทำในสิ่งที่ท่านไม่ควรทำ นี่เรียกว่า แส่เสือก
คนอื่นเขาไม่เชื่อในถ้อยคำของท่าน แต่ท่านก็พูดไม่รู้จบ นี่เรียกว่าเพ้อพล่าม
เดาใจของผู้อื่น พูดในสิ่งที่ผู้อื่นเขาอยากจะฟัง นี่เรียกว่าประจบ
ไม่รู้ดีชั่ว เออออตามคนอื่นเขา นี่เรียกว่าสอพลอ
ชอบนินทาความผิดของผู้อื่น นี่เรียกว่าใส่ไคล
้ทำลายความสัมพันธ์ของคนอื่น นี่เรียกว่ายุแยง
ยกย่องคนชั่ว ขับไสคนที่เกลียดชัง นี่เรียกว่าเจ้าเล่ห์
ไม่แยกดีชั่ว ทำดีกับสองฝ่าย เพื่อให้เขาชอบ นี่เรียกว่ากลิ้งกลอก
หยีฟู่สรุปว่า
“โรคร้ายทั้ง 8 ประการนี้ ต่อภายนอกก็ก่อกวนคนอื่น ต่อภายในก็ทำร้ายตัวเอง นี่เป็นสิ่งที่ผู้มีสติปัญญามิยอมชิดใกล้”
“ถ้าเช่นนั้น ที่ว่า ความทุกข์ 4 ประการนั้นเล่า คืออย่างไร” ขงจื๊อถามต่อ
หยีฟู่กล่าว
“คิดจะทำแต่เรื่องใหญ่ เพื่อหาชื่อเสียง นี่เรียกว่า มักใหญ่
ทำเป็นอวดฉลาด ทำอะไรตามใจชอบ เอาแต่ความคิดเห็นของตนเอง ไม่คำนึงถึงการล่วงเกินผู้อื่น นี่เรียกว่า ถือดี
มองเห็นความผิดของตน แต่ไม่ยอมแก้ไข ครั้นเมื่อได้ฟังคำตักเตือนของคนอื่น ก็กลับโมโหโกรธา นี่เรียกว่า ยโส
ถ้าความเห็นนั้นตรงกับของตนก็ว่าถูก ถ้าความเห็นนั้นไม่ตรงกับคนอื่น แม้จะดีก็ว่าไม่ดี นี่เรียกว่า ทะนง"
“คนคนหนึ่ง ถ้าหาก มีความทุกข์ 4 ประการนี้แล้ว ก็ยากที่จะสนทนา”
จวงจื๊อ ปราชญ์รุ่นหลังขงจื๊อ ผู้เขียนเรื่องนี้ (มรดกจากเต๋า จวงจื๊อจอมปราชญ์ บุญศักดิ์ แสงระวี เรียบเรียง) ทิ้งท้าย...ขงจื๊อได้ฟังแล้ว สีหน้าก็เปลี่ยนไป ค้อมคำนับอีกสามครา แล้วก็จากมา
หยีฟู่ ชายชราคิ้วขาว เคราขาวยาวคลุมอก ผู้กล้าสอนขงจื๊อ ทำให้ขงจื๊อต้องคำนับแล้วคำนับอีก จวงจื๊อไม่ได้บอกว่าเป็นใคร มาจากไหน บอกแต่เพียงว่า สอนขงจื๊อแล้ว ก็ลงเรือหายไปในทะเลสาบ
แต่คำสอน โรคร้ายทั้ง 8 ความทุกข์ทั้ง 4 ยังมีผู้บันทึกไว้ ให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้ว่า บ้านเมืองที่มีแต่คนป่วยเป็นโรคร้ายทั้ง 8 มีแต่คนมีทุกข์ทั้ง 4 เป็นบ้านเมืองที่หาความสงบสุขไม่ได้
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
อ่านเถอะ.. แค่ครึ่งเดียวก็ได้ ไม่ต้องให้จบ
อ่านเถอะ.. แค่ครึ่งเดียวก็ได้ ไม่ต้องให้จบ ************************* . มีเศรษฐีคนหนึ่ง ได้ซื้อที่ดินแปลงหนึ่ง สร้างเป็นที่พักตากอากาศ ในช่วง...
-
1. “ใช้ชีวิตให้เสมือนว่าพรุ่งนี้ท่านจะไม่มีชีวิตอยู่แล้ว เรียนรู้ให้เสมือนว่าท่านจะอยู่ในโลกนี้ต่อไปไม่มีวันสิ้นสุด” …มหาตมะคานธ...
-
เป้าหมายความสำเร็จในแต่ละช่วงอายุวัยทำงาน นการที่จะก้าวขึ้นไปสู่ความสำเร็จในการทำงานได้นั้น สิ่งหนึ่งที่ต้องมี ก็คือ เป้าหมายในการทำงาน ...
-
พ่อค้า... เลือกกำไรชิ้นละ20บาท แต่ขายได้วันละ100ชิ้น นักธุรกิจ... เลือกกำไรชิ้นละ5บาท แต่ขายได้วันละ1,000ชิ้น นักลงทุน... เลือก...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น